สำหรับช่วงปิดฤดูกาลแบบนี้ แฟนบอลอย่างเราๆ ทั้งบอลไทยบอลเทศ ต่างก็เสพข่าวลือเรื่องการซื้อนักเตะของทีมรักไม่เว้นแต่ละวันเป็นธรรมดาที่ในข่าวเหล่านั้นจะจริงบ้างไม่จริงบ้าง แต่ที่แน่ๆ ถ้าจะยกให้ที่ไหนฮือฮาเป็นอันดับหนึ่ง ไทยลีก บ้านเราก็คงเข้าข่ายกับเขาบ้างเหมือนกัน เพราะหลายต่อหลายครั้งทีมจากไทยลีกก็มักจะมีข่าวลือในแบบที่น่าเหลือเชื่อกับเหล่าแข้งดัง “ระดับโลก” แบบงงๆ
ขาตั้งหลัก ขอย้อนกลับไปในยุคข่าวลือเฟื่องฟู และรายชื่อของนักเตะระดับโลกมากมายที่เคยมีข่าวกับทีมไทยลีก มาดูกันดีกว่าว่ามีใครติดโผบ้าง? และเหตุผลอะไรบ้างที่ดีลเหล่านี้ไม่เกิดขึ้น?
เธียร์รี่ อองรี กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี
ข่าวนี้เกิดขึ้นในปี 2014 ซึ่ง ณ เวลานั้น นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี ยังเล่นอยู่ในระดับดิวิชั่น 1 (ไทยลีก 2 ปัจจุบัน) อยู่เลยด้วยซ้ำ ดังนั้น การมีข่าวกับ เธียร์รี่ อองรี ตำนานกองหน้าเบอร์ 1 จากสโมสรอาร์เซน่อล จึงเป็นหนึ่งในข่าวที่โอละพ่อมากที่สุดข่าวหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทยลีกเลยทีเดียว
ข่าวลือ ณ ตอนนั้นเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่แฟนเพจบน เฟสบุ๊ค เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด บางที่ก็อ้างตัวเป็นวงในของสโมสร และเขียนข่าวต่างๆขึ้นมาเอง โดยข่าวของ อองรี กับทีม สวาทแคท มีเนื้อหาประมาณว่า วัชรพล โตมรศักดิ์ ผู้จัดการทีมนครราชสีมาได้ออกมาพูดว่า เอเยนต์ของ อองรี ได้นำเสนอข้อมูลเข้ามาให้บอร์ดบริหารของทีมพิจารณา แต่สโมสรยังคงไม่ได้สรุปว่าจะเอาอย่างไรกับดีลนี้
ซึ่งหากคิดกันแบบอยู่บนพื้นฐานความเป็นจริง ณ เวลาดังกล่าว อองรี เล่นให้กับ นิวยอร์ก เรดบูลส์ ใน MLS ประเทศสหรัฐอเมริกา ด้วยโควตานักเตะค่าเหนื่อยแพงเกินเพดานสโมสร และรับเงินอยู่ที่ 5.6 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือตีเป็นเงินไทยก็จะอยู่ที่ราวๆ 198 ล้านบาทต่อปี ซึ่งราคาระดับนี้หรือต่ำกว่านี้ก็แทบไม่มีทางเลยที่จะเกิดขึ้นจริงได้ แม้ฟุตบอลไทยลีกในปี 2014 จะได้รับความนิยมและมีแฟนบอลเข้าสนามมากแค่ไหนก็ตาม
ซ้ำร้ายข่าวลือยังบอกว่า อองรี ได้เรียกร้องค่าเหนื่อยอยู่ที่ 20 ล้านบาทต่อปี นั่นเท่ากับว่าเขาจะยอมลดค่าเหนื่อยลงเกือบ 90% เลยทีเดียวเพื่อมาเล่นในประเทศไทย
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่ทำให้ดีลนี้ไม่ใกล้เคียงที่จะเกิดขึ้น หลังจากปี 2014 อองรี ประกาศแขวนสตั๊ดและเข้าเป็น 1 ในกูรูของช่อง สกาย สปอร์ตส์ โดยเขาได้ค่าจ้างปีละ 4 ล้านยูโร หรือราว 150 ล้านบาท ก่อนจะขยับไปเป็นโค้ชทีมเยาวชนของอาร์เซน่อล, ผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเบลเยียม, คุมทีมโมนาโก และ มอนทรีอัล อิมแพ็กต์ (ซีเอฟ มอนทรีอัล ปัจจุบัน) ในเวลาต่อมา
โดยปัจจุบันเจ้าตัวรับงานผู้ช่วยโค้ชทีมชาติเบลเยียมควบกับงานกูรู
ดิเอโก้ คอสต้า และ หลุยส์ นานี่ กับ ลำพูน วอริเออร์ส
เกิดขึ้นสดๆร้อนๆ เมื่อทีมน้องใหม่จากเมืองเหนืออย่าง ลำพูน วอริเออร์ส เลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดในปี 2022 ข่าวลือกับนักเตะระดับโลกก็ได้เริ่มขึ้น
เรื่องราวเกิดขึ้นไม่นานมานี้ เมื่อมีเพจในเฟซบุ๊กที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับฟุตบอลไทยลีกได้ระบุว่า พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก ประธานสโมสรได้พยายามเข้าเจรจากับ ดิเอโก้ คอสต้า อดีตดาวยิงของ แอตเลติโก มาดริด และ เชลซี ให้เข้ามาเล่นในไทยลีก

โดยเนื้อข่าวมีการกล่าวอ้างว่า พงษ์ศิริ ได้พยายามยื่นข้อเสนอให้กับกองหน้าชาวสเปนวัย 34 ปีได้พิจารณาแล้ว แถมยังมีการตบท้ายว่าตัวของ คอสต้า อยากจะเล่นกับ เจฟเฟรน ซัวเรซ อดีตนักเตะของบาร์ซ่า ที่เล่นให้กับ “ราชันโคขาว” ในเวลานี้อีกด้วย
จะจริงหรือไม่ไม่มีใครรู้ แต่ที่แน่ๆ คอสต้า ได้ค่าเหนื่อยต่อปีถึง 4 ล้านยูโร หรือราว 150 ล้านบาทต่อปีตอนที่เขาเล่นในลีกบราซิลกับ แอตเลติโก มิไนโร่ ขณะที่เจ้าตัวยังมีข่าวกับทีมในยุโรปอีกหลายทีมรวมถึง เบนฟิก้า ในโปรตุเกสด้วย ดังนั้น การจะย้ายมาไทยลีกจึงเป็นเรื่องยากถึงยากที่สุดและจนตอนนี้ก็ยังไม่เกิดขึ้น
ล่าสุดไปต่อกับรายของ หลุยส์ นานี่ อดีตปีกตัวเก่งของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เล่นในลีกสูงสุดของ อิตาลี กับ เวเนเซีย โดยในรายนี้มีการโพสต์ในเฟซบุ๊กของ พงษ์ศิริ ฐาราชวงศ์ศึก เองว่าเขาติดต่อกับนักเตะรายนี้ผ่าน เจฟเฟรน ซัวเรซ ก่อนที่หลังจากนั้นไม่นานนักจะมีโพสต์ที่จบเรื่องดังกล่าวด้วยข้อความว่า “ทำเต็มที่แล้วครับ อดทนสู้กับดีลนี้มาตั้งนาน ล่มไปอีกหนึ่ง”
แม้ ลำพูน จะเคยคว้า อาลี ซิสโซโก้ หรือ เจฟเฟรน ซัวเรซ มาได้ แต่สำหรับเคสของ คอสต้า และ นานี่ คงต้องยอมรับว่าเป็นดีลคนละเบอร์ และตัวนักเตะก็ยังอยู่ในสภาพที่เล่นในลีกยุโรปได้สบายๆ ดังนั้นจึงไม่แปลกเลยที่ดีลทั้งหมดจะไม่เกิดขึ้น และเป็นฝันค้างของแฟนๆลำพูนไปเป็นที่เรียบร้อย
กาเบรียล บาติสตูตา กับ บุรีรัมย์ พีอีเอ
เรื่องนี้เกิดในปี 2010 สมัยที่ บุรีรัมย์ พีอีเอ ได้สิทธิ์การทำทีมมาจาก การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค เดิม ซึ่ง เนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรในเวลานั้นเคยได้ออกข่าวในแนวๆที่ว่าอยากจะได้นักเตะระดับแม่เหล็กที่สร้างกระแสได้อย่าง กาเบรียล บาติสตูตา ที่อยู่ในวัย 41 ปีมาเป็นส่วนหนึ่งของทีม โดยจะรับบทบาททั้งโค้ชและนักเตะ
จะว่ากันตรงๆก็เป็นอีกข่าวที่เป็นจริงได้ยากสุดๆ เพราะ บาติสตูตา นั้นแขวนสตั๊ดตั้งแต่ปี 2005 โดยสโมสรสุดท้ายของเขาคือ อัล อาราบี ในประเทศกาตาร์ และรับค่าเหนื่อยถึง 4 ล้านยูโรต่อปี ซึ่งถ้าย้อนไปในยุค 2000s ต้นๆ จำนวนเงินดังกล่าวถือว่าเข้าขั้นค่าจ้างระดับโลกเลยก็ว่าได้
เหนือสิ่งอื่นใดคือ บาติสตูตา นั้นยังเป็นนักบอลที่มีความติสต์ตัวพ่ออีกหนึ่งคน แม้จะเก่งกาจด้านฟุตบอลขนาดไหนแต่เขาก็เคยบอกว่าฟุตบอลเป็นแค่อาชีพของเขาเท่านั้นไม่ใช่ความชอบ นั่นหมายความว่าแพชชั่นของเขากับฟุตบอลแทบจะไม่เหลือแล้วหลังแขวนสตั๊ดไปร่วม 5 ปี และยิ่งต้องมาเล่นในไทยลีกยุคตั้งไข่ งานนี้ก็ยิ่งทำให้ข่าวลือดังกล่าวไม่เคยใกล้เคียงกับการเกิดขึ้นจริง
“ผมไม่เคยอยากเป็นนักฟุตบอล สำหรับผม ฟุตบอลเป็นแค่อาชีพหนึ่งเท่านั้น” บาติโกล เคยบอกไว้เกี่ยวกับมุมมองที่เขามีต่อฟุตบอล ดังนั้น การจะให้อยู่ดีๆจากบ้านเกิดเมืองนอนมายังเมืองไทยเพื่อเล่นฟุตบอล คงเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากสำหรับจอมติสต์อย่างเขาแน่นอน
อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กับ เมืองทอง ยูไนเต็ด และ ปตท. ระยอง
สุดยอดดาวเตะบอลสมองชาวอิตาลีของ ยูเวนตุส อย่าง อเลสซานโดร เอล ปิเอโร่ ก็เป็นอีกคนที่เคยมีข่าวกับไทยลีกในบั้นปลายอาชีพของเขา หลังจากประสบความสำเร็จมามากมายในปี 2012 หลังจากที่เจ้าตัวหมดสัญญากับ ยูเวนตุส ในวัย 37 ปี ก็มีข่าวว่าทีมในไทยลีกต้องการติดต่อเขามาร่วมทีม ทีมนั้นได้แก่ เมืองทอง ยูไนเต็ด แต่ข่าวดังกล่าวก็เงียบไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าอีก 2 ปีต่อมา เดล ปิเอโร่ ในวัย 39 ปี ก็มีข่าวลือแบบจริงจังกับ ปตท. ระยอง ในปี 2014 ซึ่ง ณ เวลานั้น พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้จัดการทีม ปตท.ระยอง เปิดเผยเองเลยว่าสโมสรได้พยายามจะคว้าตัว เดล ปิเอโร่ มาจาก ซิดนีย์ เอฟซี โดยเบื้องต้นได้ยื่นหนังสือเพื่อขอเจรจาตกลงรายละเอียดและเงื่อนไขการย้ายทีม และยังได้หารือกับบอร์ดบริหารของทีมถึงความเป็นไปได้
นอกจากค่าจ้างแล้ว ปตท. ระยอง ยังเสนอจัดแมตช์อำลาให้กับ เดล ปิเอโร่ อีกด้วย หากตำนานแข้งอิตาลีมาแขวนสตั๊ดกับสโมสร
“จริงๆแล้วเรามีความต้องการอยากให้ เดล ปิเอโร่ ตัดสินใจมายุติการค้าแข้งที่ ปตท.ระยอง โดยจะจัดแมตช์เกียรติยศอำลาสนามให้เขาอย่างยิ่งใหญ่ด้วยหาก เดล ปิเอโร่ ตัดสินใจมาเล่นในไทยลีก” พล.ต.ท.ดร.ประวุฒิ ถาวรศิริ เปิดเผยผ่านแฟนเพจสโมสร PTT Rayong ณ เวลานั้น
จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ที่สุดแล้ว เดล ปิเอโร่ ที่รับค่าเหนื่อยกับ ซิดนีย์ เอฟซี ปีละ 2 ล้านยูโร (ราว 75 ล้านบาทต่อปี) ก็ไม่ได้ย้ายมาไทยลีก แต่เขาได้โยกไปเล่นกับสโมสรในอินเดียอย่าง เดลี ไดนาโมส์ แทน
ส่วนค่าเหนื่อยนั้นมีการเปิดเผยจากนักข่าวชาวอินเดียที่เขียนบทความให้เว็บไซต์ อย่าง สุเมธ ปานเด ว่า 1 ปีที่อินเดีย เดล ปิเอโร่ ได้ค่าจ้างตีเป็นเงินไทยอยู่ที่ 65 ล้านบาทเลยทีเดียว แน่นอนว่านี่เป็นราคาที่ไม่มีสโมสรไหนจากไทยลีก ณ เวลานั้นกล้าจ่ายให้กับนักเตะวัยย่าง 40 ปีได้แน่ๆ

นิโกลาส์ อเนลกา และ โรนัลดินโญ่ กับ นครราชสีมา มาสด้า เอฟซี
หลังจากเคยมีข่าวกับ อองรี สมัยเล่นในลีกรองแต่ไม่เกิดขึ้นจริง “สวาทแคท” ก็สร้างความฮือฮาอีกครั้งหลังพวกเขาเลื่อนชั้นสู่ไทยลีกในปี 2015 ด้วยการมีข่าวกับ นิโกลาส์ อเนลกา อดีตดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสที่เล่นมาแล้วแทบทุกลีกดังในยุโรป
ในรายของ อเนลกา นั้น หากมีเงินจริงๆก็อาจจะคว้าตัวเขามาได้ เพราะเขาถือเป็นหนึ่งในแข้งพเนจรที่ย้ายไปเล่นในลีกต่างๆ เพื่อสร้างกระแสและทำเงินมาไม่น้อย แต่ความจริงคือจะมีทีมไหนในไทยลีกกล้าขนาดนั้น? เพราะยกตัวอย่างตอนที่ อเนลกา เล่นในลีกจีนกับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว เขาได้เงินค่าจ้างถึงสัปดาห์ละ 170,000 ปอนด์ เมื่อปี 2013 เรียกได้ว่าเท่าๆกับตัวท็อปของพรีเมียร์ลีก ณ เวลานั้นเลยก็ว่าได้
เราเองก็ไม่รู้ว่ามีการยื่นข้อเสนอถึงเจ้าตัวจริงหรือไม่สำหรับทีมสวาทแคท เพราะย้อนกลับไปเพียงปีเดียว ในปี 2014 อเนลกา ก็ได้ย้ายไปเล่นในลีกอินเดียกับ มุมไบ ซิตี้ โดยได้ค่าเหนื่อยปีละ 2.6 ล้านยูโร หรือ 97 ล้านบาทต่อปีเลยทีเดียว
หลังจากนั้น 1 ปี สวาทแคท ยังคงท็อปฟอร์มบนหน้าข่าวตลาดซื้อขาย ในปี 2016 คราวนี้เป็นข่าวกับ โรนัลดินโญ่ อดีตนักเตะหมายเลข 1 ของโลก ซึ่งในส่วนนี้ไม่มีรายละเอียดอะไรเปิดเผยมากมายนัก แต่ที่รู้ๆ แค่ได้ยินชื่อของนักเตะก็พอจะเดาออกว่าข่าวของ โรนัลดินโญ่ กับทีมดังแดนอีสานคงเป็นเรื่องราวที่ยากเกินจะจินตนาการอย่างแท้จริง
นอกจากค่าเหนื่อยของ โรนัลดินโญ่ จะอยู่ที่ราวปีละ 75 ล้านบาทต่อ 1 ปี อ้างอิงจากตอนที่เขาเล่นในลีกบราซิลกับ แอตเลติโก มิไนโร่ ซึ่งถือเป็นค่าเหนื่อยที่เอาเรื่องพอสมควร เหนือสิ่งอื่นใด โรนัลดินโญ่ เป็นคนรักความสบายเป็นอันดับ 1 ที่เตะบอลเพื่อความสุขในช่วงบั้นปลายอาชีพ โดยเขาเคยออกมาเผยว่า “ขอรับเงินเดือนน้อยลงแลกกับการไม่ต้องซ้อมและออกไปเที่ยว” จากจุดนี้ทีมไหนที่จะเอาเงิน 60-80 ล้านบาทต่อปีไปให้ โรนัลดินโญ่ คงต้องเป็นทีมที่ไม่เน้นผลและเน้นแต่กระแสอย่างแท้จริง
นี่ก็เป็นอีกข่าวที่เกิดขึ้นในช่วงปี 2018 โดยนักเตะที่มีข่าวคือ ราฟาเอล ฟาน เดอ ฟาร์ท มิดฟิลด์ตัวรุกชุดรองแชมป์โลกของเนเธอร์แลนด์ ที่ผ่านประสบการณ์ค้าแข้งกับทีมดังอย่าง อาหยักซ์, เรอัล มาดริด, สเปอร์ส และ ฮัมบูร์ก มาแล้ว
ย้อนกลับไปในปี 2018 ฟาน เดอ ฟาร์ท นั้นแขวนสตั๊ดไปแล้ว 2 ปี โดยในปี 2016 เขาเลิกเล่นกับทีม มิดทิลลันด์ ในลีกเดนมาร์ก ทว่าไม่รู้มีข่าวลือจากไหน แต่ลือระดับลั่นทุ่ง มีสำนักข่าวใหญ่ๆในประเทศไทยหลายเจ้าถึงกับพาดหัวว่า “ฟาน เดอ ฟาร์ท สนโยกค้าแข้งเมืองไทย” เลยทีเดียว โดยบางเจ้ายังอ้างต่อว่าทีมที่รอต่อคิวคือ “ทีมดังจากภาคเหนือ”
เท่านั้นยังไม่พอ ยังมีการลือกันต่อราวกับเจ้าตัวมาบอกเองว่า ฟาน เดอร์ ฟาร์ท ยอมลดค่าเหนื่อยเงินเดือนจาก 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 650,000 บาทต่อเดือน ลงมาเหลือประมาณ 450,000 บาทต่อเดือน เพื่อให้ทีมไทยลีกสามารถจ่ายค่าเหนื่อยของเขาได้เลยด้วยซ้ำ
และแน่นอนว่าเรื่องนี้ไม่ได้ใกล้เคียงเลย เพราะเหตุผลที่ ฟาน เดอ ฟาร์ท เลิกเล่นเกิดจากอาการบาดเจ็บที่เรื้อรังชนิดรักษาไม่หาย ดังนั้น การจะมาเล่นอาชีพให้เสี่ยงเจ็บซ้ำส่งผลระยะยาวคงเป็นไปได้ยากมากๆ และสุดท้ายข่าวลือก็เงียบไปอย่างรวดเร็ว ทุกวันนี้ ฟาน เดอ ฟาร์ท เดินสายเป็นนักวิจาณ์ฝีปากกล้าไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และไม่เคยกลับมาค้าแข้งในระดับอาชีพไม่ว่ากับทีมไหนๆอีกเลย
UFABETWIN